27 สิงหาคม 2563

ข้อมูลมีคุณค่า

"ข้อมูลมีค่า"......^-^

Image for post

          ลักษณะพฤติกรรมและนิสัยของคนไทยหรือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะคล้ายกันคือใช้ “การจำ” ผ่านเรื่องเล่าต่อๆกันมา ดังนั้นการพูดคุย พบปะ แลกเปลี่ยนในชุมชน ตลาด งานบุญ ร้านเหล้า ร้านกาแฟ ตลอดจนการซุบซิบนินทาน่าจะเป็นวิธีการถ่ายทอดที่ใช้กันบ่อย ซึ่งแน่นอนเป็นการส่งสารที่ไม่เป็นทางการนัก แต่นักการตลาดก็นำมาใช้อย่างได้ผลที่เรียกว่า Viral Marketing แต่เมื่อผ่านคนมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องราวมักจะบิดเบือนหรือมีการใส่สีตีไข่ไปจากเดิม ในขณะที่ชนชาติตะวันตก มักจะชอบอ่านชอบ “การจด” ไปเจออะไรมาก็จะบันทึก การบันทึกเกิดขึ้นตลอดเวลาเหมือนส่วนหนึ่งของชีวิต จนกลายเป็นลักษณะเด่น ระหว่างวัฒนธรรมการจำ หรือ Memory กับวัฒนธรรมการจด หรือ Diary ยิ่งนานวันพบยิ่งค้นพบว่า “ข้อมูล” มีค่าและมีความจำเป็น ก็ต่อเมื่อเริ่มรู้สึกลืมเลือนสิ่งที่น่าสนใจในอดีต ยิ่งผ่านมานานวัน ยิ่งจำอะไรได้เลือนลางเหลือเกิน นั่นเพราะไม่ได้รับการปลูกฝังให้จด ในขณะที่ฝรั่งต่างชาติมักจะมีสมุดเล่มเล็กๆไว้จดบันทึกเรื่องราวประจำวันตั้งแต่เด็ก แล้วยังเก็บไว้จนโตที่เรียกว่า สมุดไดอารี่

Image for post

ด้วยความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี การประยุกต์ใช้งานระบบไอที อาทิ ERP CRM แทนการจดบันทึกของคนลงบนกระดาษ ตั้งแต่การจัดเก็บสินค้าคงคลังในโรงงาน วัตถุดิบและชิ้นส่วนทุกชิ้นที่รับจากซัพพลายเออร์จะต้องมีฉลากติดที่ชัดเจน มีการสแกนบาร์โค้ดเข้าระบบ เมื่อเบิกจ่ายเข้าในสายการผลิตก็มีการอ้างอิงรหัสดังกล่าวในทุกขั้นตอน มีการป้อนข้อมูลของดีของเสีย(รวมถึงประเภทของเสีย)เข้าในระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อเครื่องจักรเสียสดุดหยุดซ่อม ก็มีการบันทึกเวลาและอาการอย่างชัดเจน ในขณะที่ร้านค้า (ค้าปลึก ค้าส่ง) ก็ใช้บาร์โค้ดในการจัดเก็บ จำหน่าย และตัดสต็อกเช่นกัน ในภาคบริการไม่ว่าจะเป็นโรงแรม โรงพยาบาล ธนาคาร ก็เก็บบันทึกประวัติข้อมูลลูกค้า การเข้ามาใช้บริการในแต่ละครั้ง จึงถือว่าองค์กรใดก็ตามที่ได้มีการประยุกต์ใช้งานไอทีในทุกขั้นตอนการทำธุรกิจ เรียกว่าอยู่ในระดับการทำงานแบบ 3.0

แต่ในยุค 4.0 สิ่งต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น ได้กลายเป็นพื้นฐานที่ผสมผสานหรือแทรกเข้าไปอยู่ในกระบวนการทางธุรกิจทั้งหมด และที่สำคัญเป็นไปโดยอัตโนมัติแบบที่คนแทบไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวหรือคอยป้อนข้อมูลจดบันทึกแต่อย่างใด การรับข้อมูลเข้า การประมวลผล ตลอดจนนำผลวิเคราะห์ไปใช้ในการตัดสินใจเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติประจำวัน ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น IoT (Internet of Thing) ทำหน้าที่เป็นตัว ในทุกๆจุดที่เราต้องการควบคุม สั่งการ หรือตรวจติดตามการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมภายในบ้าน ภายในโรงงาน ภายในร้านค้า ภายในสำนักงาน และทุกๆสถานที่สาธารณะ^-^

 




โควิด19

 4.1 COVID-19 คืออะไร

         โรค COVID-19 คือ โรคติดเชื้อจากไวรัสชนิดหนึ่ง ซึ่งพบการระบาดในช่วงปี 2019 ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน โดยในตอนนั้นเราจะรู้จักกันโรคนี้ในชื่อว่า ไวรัสอู่ฮั่น ก่อนที่ภายหลังจะระบุเชื้อก่อโรคได้ว่าเป็นเชื้อในตระกูลโคโรนาไวรัส แต่เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้น ทางองค์การอนามัยโลก จึงได้ตั้งชื่อโรคติดต่อชนิดนี้ใหม่อย่างเป็นทางการ โดยมีชื่อว่า COVID-19
วิธีป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
ล้างมือบ่อยๆ โดยใช้สบู่และน้ำ หรือเจลล้างมือที่มีส่วนผสมหลักเป็นแอลกอฮอล์
รักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากผู้ที่ไอหรือจาม
สวมหน้ากากอนามัยเมื่อเว้นระยะห่างไม่ได้
ไม่สัมผัสตา จมูก หรือปาก
ปิดจมูกและปากด้วยข้อพับด้านในข้อศอกหรือกระดาษชำระเมื่อไอหรือจาม
เก็บตัวอยู่บ้านเมื่อรู้สึกไม่สบาย
หากมีไข้ ไอ และหายใจลำบากโปรดไปพบแพ                                                                                                                                                                                                                                                                                    4.3กราฟCovid-19ปัจจุบัน                                                                                                    
                                                                                                                                  เเนวโน้มการระบาดโควิด19                                  สถาณะการณ์ตอนนี้ดีขึ้นมากเเต่ก็ยังคงเฝ้าระวังอยู่เรื่อยไปเพื่อไม่ให้สถาณะการร์ย่ำเเย่เหมือนเดิมhttps://youtu.be/pZ3utA4OT4M                 

ยุค 5G

ยุค 5G...คือ? 

   ยุค 5G (Generation 5) 

5G ไม่ว่าจะจากทางด้านผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่หลายๆค่าย ต่างก็ประชาสัมพันธ์เตรียมความพร้อม และโชว์ความสามารถของ 5G บนคลื่นความถี่ 26.5 – 27.5 GHz รวมทั้ง การประกาศขายมือถือรองรับ 5G จากทางฝั่งของค่ายมือถือสารพัดแบรนด์ เราคงได้แต่คาดว่า 5G นั้นจะต้องดีกว่า 4G แน่ๆ เพราะมากกว่า 5 มากกว่า 4

          - ยุค 1G ยุคนั้นเป็นยุคที่เราคุยกันผ่านเสียงผ่านมือถือระบบอนาล็อก

          - ยุค 2G เราสามารถส่งข้อความ MMS หากันได้

          - ยุค 3G เราเชื่อมต่อและใช้งานอินเทอร์เน็ต เพื่อส่งข้อมูลผ่านมือถือได้ด้วยความเร็ว                  ระหว่าง 20kbps- 42.2Mbps

          - ยุค 4G เราสามารถดูภาพเสียง หรือหนังออนไลน์ได้ที่ความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 100 Mbps(4G LTE), 150 Mbps (4G LTE Cat.4) และ 1,000 Mbps (4G LTE Advanced)

          ยุค 5G (Generation 5)  เรียกได้ว่าเป็น รุ่นที่ 5 ของการสื่อสารที่อนาคตจะไม่ใช่แค่โทรศัพท์มือถือแล้ว แต่จะรวมถึงอุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมอินเตอร์เน็ตได้ (Internet of Things หรือ IoT) ซึ่งหากเราเข้าสู่ยุค 5G เราจะดาวน์โหลดวีดีโอ หนัง หรือแอปฯ ได้เร็วถึง 10,000 Mbps ถ้าใช้ 4G ดูวิดีโอออนไลน์ (ขนาด 8K) หรือดาวน์โหลดหนังต้องรอ 6 นาที แต่ถ้ามี 5G ใช้เวลาแค่ 6 วินาที 


5G เหนือกว่า 4G อย่างไร?

  1. การตอบสนองไวกว่า ถ้าเราใช้ 4G สั่งงานควบคุมสิ่งต่างๆได้เร็วที่ 20 – 30 ms (Milli-second 1:1,000 วินาที) แต่ถ้าใช้ 5G การสั่งงานเพื่อควบคุมอุปกรณ์ที่เชื่อมอินเตอร์เน็ตได้เร็วขึ้น 10 เท่า
  2. การรับส่งข้อมูลได้มากกว่า 4G โดย 4G จะรับส่งข้อมูลต่อเดือนได้แค่ 7.2 Exabytes แต่ 5G จะทำให้เรารับส่งข้อมูลได้เพิ่มขึ้น 7 เท่า คือ 50 Exabytes ต่อเดือน
  3. 5G มีความถี่สำหรับใช้งานมากกว่า เราจึงสามารถใช้งานคลื่นความถี่ได้ถึง 30GHz
  4. 5G รับรองจำนวนผู้ใช้งานในแต่ละพื้นที่ได้มากกว่า โดยที่ 4G สามารถรองรับผู้ใช้งานได้ราว 1 แสนคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม. แต่ 5G จะรองรับผู้ใช้งานได้ถึง 10 เท่า / 1 ล้านคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม.
  5. ถ่ายโอนข้อมูลต่อวินาทีได้ปริมาณมากกว่า 4G โดย 4G นั้นโอนข้อมูลได้เพียง 1 GB ต่อวินาที แต่ 5G จะทำได้ถึง 20 GB ต่อวินาที หรือ 20 เท่าของ 4G  
ที่มา!!!!!!!!!


 

ปัญญาประดิษฐ์

 ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI)

    คำกล่าวที่มักได้ยินบ่อยๆ ว่า AI กำลังจะครองโลก แต่ก่อนที่สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้น เราควรเป็นผู้ควบคุมและกอบโกยจากการนำ AI มาใช้ประโยชน์ให้ได้ ​เพราะเมื่อวิเคราะห์ถึงการเติบโตและการเข้าที่ทุกภาคส่วนธุรกิจนำ AI ไปใช้ประโยชน์ในทุกวันนี้แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เริ่มพัฒนาทักษะนี้เลย

    
    โดย AI หรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นี้​ เป็นเทคโนโลยีการสร้างความฉลาดเทียมให้กับเครื่องจักร หรือ      คอมพิวเตอร์ โดยเป็นสาขาหนึ่งทางวิทยาการคอมพิวเตอร์และวิศวกรรม ผนวกรวมกับศาสตร์ด้านอื่นๆ อย่างจิตวิทยา ปรัชญา ชีววิทยา ฯลฯ ซึ่งแตกแขนงเป็นหลากหลายสาขาที่เตรียมแย่งงานมนุษย์ได้ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) ที่เป็นการสร้างมันสมองของระบบ AI ด้วยการใส่​ Algorithm หรือโปรแกรมสอนให้เครื่องจักรเรียนรู้พร้อมใส่​ Data ต่างๆ เข้าไป เพื่อให้เครื่องจักรสามารถเรียนรู้ ประมวลผล วิเคราะห์ สร้างองค์ความรู้ และทำนายอนาคตได้ด้วยตัวเอง
 

Big Data

 

                          Big Data  

บิ๊กดาต้า (Big Data) คือคำนิยามของข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ทุกชนิดที่อยู่ในองค์กรของเราไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลบริษัท ข้อมูลลูกค้า Suppliers พฤติกรรมผู้บริโภค Transaction ไฟล์เอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมไปจนถึง รูปภาพ URLs ลิงค์ต่างๆที่คุณเก็บไว้ ฯลฯ ที่มีปริมาณมากจนกระทั่งซอฟต์แวร์ปกติทั่วไปไม่สามารถรองรับการเก็บข้อมูลหรือประมวลผลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

    Big Data คือเทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมหรือ Platform ไอทีรุ่นใหม่ ซึ่งอาจมาในรูปแบบซอฟต์แวร์ ที่สามารถรองรับการจัดเก็บ การจัดการ กรองเลือกข้อมูล การวิเคราะห์ แสดงผล และการใช้งานข้อมูลที่มีคุณลักษณะดังต่อไปนี้

https://youtu.be/w4vsFKMO7XA

ข้อมูลมีคุณค่า

"ข้อมูลมีค่า"...... ^-^           ลักษณะพฤติกรรม และนิสัยของคนไทยหรือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะคล้ายกันคือใช้ “การจำ” ผ่านเรื่องเ...